ช่วงใกล้ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เรามักได้ยินได้เห็นคำว่า New Year’s Resolution ตามสื่อต่างๆ โดยเฉพาะในวัฒนธรรมตะวันตก เคยสงสัยกันไหมคะว่ามันหมายถึงอะไร? และสำคัญกับชีวิตคนทั่วไปอย่างเราๆ หรือเปล่านะ?
ความหมายคำศัพท์
คำว่า New Year’s Resolution ไม่ได้เพิ่งมากับยุคอินเตอร์เน็ต แต่มีมาตั้งแต่อารยธรรมโบราณแล้วค่ะ ในภาษาอังกฤษคำว่า Resolution เป็นคำนาม (noun) แปลว่า
- คำปณิธาน
- ความตั้งใจแน่วแน่
- การแก้ปัญหา
พอมารวมกับ New Year กลายเป็น New Year’s Resolution คำนี้ก็เลยหมายถึง
- คำปณิธานปีใหม่
- สิ่งที่ตั้งใจจะทำในปีใหม่
เพราะฉะนั้น New Year’s Resolution คือความตั้งใจหรือการตั้งปณิธานที่จะทำอะไรดีๆ ให้ตัวเองในช่วงปีใหม่ นั่นเพราะเมื่อเริ่มเข้าปีใหม่ ใครๆ ก็อยากเริ่มต้นสิ่งใหม่ อยากเป็นคนใหม่ อยากให้ชีวิตก้าวหน้า และมีความสุขมากขึ้นกันทั้งนั้น
ที่มาของ New Year’s Resolution
การฉลองปีใหม่ไม่ได้เริ่มขึ้นเมื่อมนุษย์เราค้นพบดอกไม้ไฟ หรือการนับเลขถอยหลังนะคะ แต่การต้อนรับปีใหม่มาพร้อมการเริ่มยุคเกษตรกรรม ตั้งแต่อารยธรรมเมโสโปเตเมียโน่นเลย
ตามที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ ชาวบาลิโลเนียนคือผู้บุกเบิกการเฉลิมฉลองปีใหม่ เมื่อสี่พันกว่าปีก่อน พวกเขาเรียกช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองนี้ว่า Akitu ซึ่งกินระยะเวลาถึง 12 วัน ถือเป็นการต้อนรับ “การก่อเกิดชีวิตใหม่” ซึ่งตรงกับช่วงฤดูใบไม้ผลิพอดี และถือเป็นฤดูเริ่มต้นการเพาะปลูกด้วย
ชาวบาบิโลเนียน คือผู้บุกเบิกการฉลองปีใหม่เมื่อ 4,000 ปีก่อน ในช่วงปีใหม่เรามักเริ่มต้นปีด้วยสิ่งดีๆ สำหรับคนไทยก็เข้าวัดทำบุญ ขอพรจากพระ ในช่วง Akitu ชาวบาบิโลเนียนก็เข้าวิหาร ถวายเครื่องบูชา และให้คำมั่นสัญญากับเทพเจ้าที่ตนนับถือ ว่าจะทำสิ่งดีๆ
หนึ่งในคำสัญญายอดฮิต คือการนำเงินไปคืนเจ้าหนี้ (ปรากฏการณ์นี้มีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์เลยทีเดียว) รวมทั้งข้าวของอื่นๆ ที่ยืมมาแล้วยังไม่คืน ก็ตั้งใจจะคืน (สักที)

ยุคอารยธรรมอียิปต์ – โรมัน
ในอารยธรรมอียิปต์ก็มีการเฉลิมฉลองปีใหม่คล้ายๆ กันค่ะ พวกเขาจะเข้าวิหาร ถวายเครื่องบูชา แก่เทพเจ้า Hapi หรือเทพแห่งแม่น้ำไนล์ เพื่อขอให้การเพาะปลูกและการเกษตรในปีนั้นอุดมสมบูรณ์
ต่อมา ชาวโรมันก็รับวัฒนธรรมนี้มาใช้ด้วย ถ้านับรอบปีตามแบบโรมันโบราณ เขาจะมีแค่สิบเดือน โดยจะเริ่มต้นปีที่เดือนมีนาคม ซึ่งก็เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิพอดีเหมือนกัน
การเพิ่มอีกสองเดือนเข้าไปในรอบปีเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 700 ปีก่อนคริสตศักราช แต่กว่าเดือนมกราคมจะถูกนับเป็นเดือนเริ่มต้นปีใหม่จริงๆ ก็อีกหลายร้อยปีต่อมา ซึ่งก็คือประมาณ 46 ปีก่อนคริสต์ศักราช ชาวโรมันเฉลิมฉลองปีใหม่ด้วยการบูชาเทพ Janus – เทพแห่งการเริ่มต้นและสิ้นสุด หลายคนอาจเดาได้ว่า ชื่อของเทพ Janus ก็คือที่มาของชื่อเดือน January หรือเดือนมกราคมนั่นเอง
ยุคกลางของยุโรป
เหล่าอัศวินในยุคกลางของยุโรป (Middle Age) ก็มีการถวายสัตย์ปฏิญาณทุกปีเหมือนกัน แต่เขาจะทำกันหลังช่วงคริสต์มาสค่ะ (ก็ช่วงท้ายปีเก่า ย่างเข้าสู่ปีใหม่อีกนั่นแหละ) แต่งานนี้ไม่มีเทพเจ้า มีแต่นกยูง
นั่นเป็นเพราะในช่วงยุคกลาง ชาวยุโรปถือว่านกยูงเป็นสัญลักษณ์แห่งคุณธรรม (integrity) และความสูงศักดิ์ (nobility)
ในพิธีปฏิญาณตน เหล่าอัศวินจะวางมือของตนบนนกยูงขณะกล่าวคำสัตย์อันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อแสดงจุดยืนและความจงรักภักดีต่อกษัตริย์
ถึงแม้ช่วงเวลา “ปีใหม่” ของแต่ละอารยธรรมสมัยนั้นจะไม่ตรงกัน เพราะต้องนับเอาวันเวลาตามที่ตัวเองสะดวก แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือการให้คำมั่นสัญญาหรือตั้งใจที่จะทำสิ่งดีๆ เพื่อตัวเองและผู้อื่น

นกยูง สัญลักษณ์แห่งคุณธรรมและความสูงศักดิ์
ยุคใหม่ของ New Year’s Resolution
ในโลกยุคใหม่ ถึงแม้แนวคิดเรื่องการทำสิ่งดีๆ รับปีใหม่คงจะถูกส่งต่อๆ กันมาในหลายวัฒนธรรม และเรียกชื่อต่างกันไป แต่คำว่า New Year’s Resolution เริ่มใช้อย่างทางการครั้งแรกในอเมริกา เมื่อปี 1813 นี่เอง (ก็ถ้าเทียบกับอารยธรรมเมโสโปเตเมียแล้ว ถือว่าเพิ่งแป๊บเดียว) คำนี้ถูกนำมาใช้ในบทความหนึ่ง โดยนักเขียนประจำหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในเมืองบอสตันค่ะ
จากยุคบาบิโลเนีย จนถึงยุคที่มนุษย์บินไปดาวอังคาร กรอบจำกัดความของ New Year’s Resolution ถูกเปลี่ยนปรับไปเยอะทีเดียว การตั้งคำปณิธานปีใหม่กลายเป็นเรื่องยอดนิยมสำหรับทุกชนชั้น โดยไม่เกี่ยวกับศาสนา โดยเฉพาะในกลุ่มชาวอเมริกาและยุโรป ปัจจุบันถูกส่งต่อไปอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลก
จะว่าไป ปีใหม่เป็นเรื่องสากลที่ไม่ว่ามนุษย์จากวัฒนธรรมไหนก็คงคิดคล้ายๆ กัน ใครๆ ก็อยากเริ่มต้นสิ่งใหม่ อยากให้ชีวิตเจริญงอกงามขึ้นทั้งนั้น จริงไหมคะ
ทุกวันนี้ เวลาพูดถึง New Year’s Resolution เราจะหมายถึงการให้สัญญากับตัวเอง หรือการตั้งใจอย่างแน่วแน่ ว่าเราจะเริ่มทำอะไรในปีใหม่ เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ (สักที) คำนี้มักใช้กับการเปลี่ยนอุปนิสัย พฤติกรรม หรือการจัดระเบียบชีวิตให้ตัวเองซะมากกว่าเรื่องทรัพย์สินภายนอก
ใช้สำนวนภาษาอังกฤษยังไง?
เรื่องนี้ง่ายมาก จนหลายคนอาจคาดไม่ถึง นั่นคือ เวลาพูดถึงความตั้งใจ หรือสิ่งที่จะทำในอนาคต เพียงขึ้นต้นประโยคด้วย future tense แล้วตามด้วย verb 1 หรือกริยาที่เราอยากทำลงไป แค่นี้ก็ได้แล้วค่ะ
- I will wake up early.
- ฉันจะตื่นให้เช้าขึ้น
- I will cycle to work.
- ฉันจะขี่จักรยานไปทำงาน
- I will lose 5 kilos.
- ฉันจะลดน้ำหนักให้ได้ 5 กิโลกรัม
- I will read 5 English books.
- ฉันจะอ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้ได้ 5 เล่ม
- I will spend more time with my family.
- ฉันจะใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น
My best year ever! – ปีที่ดีที่สุด
การตั้งเป้าหมายและให้คำสัญญากับตัวเองอาจเป็นเรื่องไม่ยาก แต่ที่ยากกว่า สำหรับหลายๆ คน คือการ “รักษาสัญญา” กับตัวเอง
หลายคนเริ่มต้นวันที่ 1 มกราคม ด้วยไฟแรงเบอร์สิบ แต่พอผ่านเดือนแรก ไฟก็เริ่มผะแผ่ว ก่อนจะดับสนิท ทั้งที่ยังไม่พ้นครึ่งปีเลย จะด้วยเหตุผลและปัจจัย อะไรก็ว่ากันไป แต่ส่วนใหญ่ ถ้า อ. ผึ้ง จะเรียกอาการนี้รวมๆ ว่า “แพ้ใจตัวเอง” คงจะไม่ผิดนัก
การตั้งเป้าหมายเยอะเกินไป หรือใหญ่เกินไป (ในระยะเวลาที่จำกัด) หรือไปเอาเป้าหมายคนอื่นมาเป็นเป้าหมายของตัวเอง (ซะงั้น) คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ การตั้งเป้าหมายให้ชีวิตเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ควรตั้งอยู่ในความสมเหตุสมผล ไม่ยากเกิน และไม่ง่ายไป เอาที่เรามั่นใจว่าเมื่อใส่ความพยายามเต็มที่แล้ว จะวิ่งเข้าเส้นชัยได้แน่ๆ
ก่อนจะพ้นปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่นี้ ลองทบทวนเรื่องเก่าๆ หรือนิสัยเดิมที่แย่ๆ ของเราในปีที่ผ่านมา แล้วถามตัวเองดูสิคะว่า “ใจสู้ไหม?” เพื่อชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น
ถ้าเชื่อว่าการ “เอาชนะตัวเอง” วันนี้เพื่อวันที่ดีกว่าข้างหน้าเป็นเรื่องไม่ยาก และ “วินัย” เราก็พร้อม ก็มาออกสตาร์ท New Year’s Resolution ไปด้วยกันเลยค่ะ
บทความมีลิขสิทธิ์ : ขอบคุณที่ไม่คัดลอก หรือดัดแปลงเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญตนะคะ
สำหรับผู้สนใจพัฒนาทักษะการเรียนรู้และการทำงาน ติดตามความรู้และเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจ เทคนิคคำศัพท์ เทคนิคการเรียน การพัฒนาสมอง และความจำ ได้ที่ Website: alphamaxlearning.com และ Facebook: Arada – Alphamax Learning
