คราวที่แล้วคุยกันเรื่อง “การเรียนภาษาอังกฤษ” กับการ “เติมพลังใจ” (อ่านย้อนหลัง ที่นี่ ) ใครที่เส้นทางเรียนภาษาติดๆขัดๆ ไม่พัฒนาสักที สาเหตุหนึ่งอาจมาจากอาการ “หมดไฟ” ก็ได้ วันนี้เราจะมาดูวิธีเติมพลังใจให้การเรียน เพื่อแก้ปัญหาคนที่กำลังท้อระหว่างทางกันค่ะ


จำเรื่องเป้าหมายสวยๆ กับลิสต์ยาวเหยียด ที่ดูเหมือนจะยิ่งพาเราห่างจากความฝันมากขึ้นได้ไหมคะ? นั่นเพราะลิสต์หรือ “สิ่งที่ต้องทำ” ของเรา อาจเต็มไปด้วยรายการที่เคร่งครัด เหมือนการถูกจับเข้าคอร์สทานผักเขียวๆ คลีนๆ หรือถึงขั้นอาหารเจร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งที่จริงๆ ตัวเองเป็นคนกินแต่เนื้อมาตลอด

คนหมดไฟ เพราะส่วนใหญ่ชอบจัด “ระบบระเบียบ” ให้การเรียนเสียแน่น จนมองแล้วตัวเองยังท้อตั้งแต่ไม่ได้เริ่ม

วิธีแรกของการเติมใจให้การเรียนภาษา คือการ “เติมความสนุก” ให้กับสิ่งที่เราทำค่ะ ถ้าทำสิ่งที่ดี แต่เราไม่ได้ชอบ มันก็ฝืนๆ ยังไงไม่รู้ ถ้าปกติไม่ใช่คนชอบอ่านหนังสือ เห็นตัวอักษรก็นั่งหาวแล้ว อาจลองใช้การเรียนด้วยเกมสลับบ้าง

ถ้าอยากเก่งคำศัพท์ หรือต้องท่องคำศัพท์สำหรับการสอบ เดี๋ยวนี้มีแอพพลิเคชั่นสอนคำศัพท์ให้ลองฝึกสมองเยอะแยะ หรือจะใช้เกมบัตรคำศัพท์ (Flashcard) ช่วยจำคำศัพท์ก็ได้

แม้แต่แกรมม่าและการฝึกสนทนาภาษาอังกฤษ ก็มีแอพพลิเคชั่นหลายตัวให้ฝึกได้เหมือนกัน มีหลายระดับตั้งแต่พื้นฐานไปจนแอดวานซ์ เช่น แอปพลิเคชันอย่าง Duolingo, Memrise, หรือ Anki

ถ้าอยากสนุกคูณสอง ลองใช้แอพพลิเคชั่นสลับกับบอร์ดเกมหรือเกมออนไลน์เลยค่ะ ซึ่งมีทั้งที่ช่วยเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษให้เราได้ทางตรง และแบบที่ช่วยทางอ้อม

แบบทางอ้อมอาจไม่ใช่เกมที่ออกแบบมาเพื่อสอนภาษา อาจจะเป็นเกมน่ารัก หรือเกมต่อสู้ เกมแก้ปัญหา แต่มีข้อแม้ว่ายังใช้ภาษาอังกฤษเป็นคำสั่งในการเล่น

แน่นอนว่า ถ้าเป็นเกมฝึกภาษาทางอ้อม คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เราได้จะถูกจำกัดในวงแคบไปด้วย อ. ผึ้ง มองว่าอาจใช้ได้ผลดีในระยะเริ่มต้น แต่เมื่อสร้างแรงจูงใจให้ตัวเองได้ระดับหนึ่งแล้ว อาจลองเปลี่ยนชนิดของเกมให้เหมาะกับระดับภาษาหรือหัวข้อที่เราต้องการนะคะ

ตัวอย่างการใช้เกมเพื่อฝึกคำศัพท์ เช่น Scrabble, Wordle, หรือ Crossword ซึ่งมีทั้งรูปแบบบอร์ดเกม และเกมออนไลน์

เมื่อใช้เกมภาษาอังกฤษเพิ่มแรงจูงใจช่วงเริ่มต้นได้ระยะหนึ่งแล้ว อย่าลืมปรับระดับเกมให้สูงขึ้น หรือยากขึ้น เพื่อเพิ่มคลังคำศัพท์และพัฒนาทักษะภาษาให้สูงตามด้วย

ไม่ใช่ว่าการอ่านหนังสือไม่ดีนะคะ แต่การอ่านทุกวัน ทั้งในห้องเรียนและยังที่บ้านอีก อาจทำให้บางคนรู้สึก “เบื่อ” การจับหนังสือ

แทนที่จะจัดตารางเรียนแน่นด้วยคำว่า “อ่านหนังสือ…” “ท่องคำศัพท์…” และ “อ่านหนังสือ…(อีกละ)” ก็เปลี่ยนเป็นคำว่า วันนี้จะ “ดูหนังเรื่อง…” หรือ “ฟังเพลงของ…” บ้างก็ได้

ตราบใดที่ยังเป็นหนังหรือซีรี่ส์แบบเสียงในฟิล์ม หรือเพลงภาษาอังกฤษ มันก็ได้ฝึกทักษะภาษาเหมือนกัน แถมยังอาจสนุกและสร้างแรงจูงใจได้ดีกว่าการอ่านหนังสืออย่างเดียวด้วย

ตัวอย่างกิจกรรม เช่น

  • ปิดซับไตเติลหนังแล้วเดาความหมาย
  • ดูวิดีโอจาก YouTuber หรือ TikToker เจ้าของภาษา
  • ฟังเพลงแล้วแปลเนื้อร้อง
  • ร้องเพลงคาราโอเกะเป็นภาษาอังกฤษ
  • ฟังประโยคจากเจ้าของภาษา แล้วพูดตามทันที
study learning better เรียนเก่งขึ้น ฝึกภาษา

การตั้งเป้าหมายสวยๆ ว่าฉันจะอ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้ได้เดือนละเล่ม มันเจ๋งก็จริง แต่สุดท้ายทำไม่ได้ใช่ไหมคะ และกว่าจะมีเวลา (และพลังใจ) อ่านได้จบ บางคนใช้เวลาเป็นปี หรือหลายปี เผลอๆ ก็เก็บเป้าหมายขึ้นหิ้งจนลืมว่าเคยมีไปแล้ว

หากลองเปลี่ยนจากเดือนละเล่ม เป็นวันละบท (หรือสัปดาห์ละบท) เมื่อจบหนึ่งบทก็ให้รางวัลเล็กๆ กับตัวเอง อาจเป็นการอนุญาตให้ตัวเองได้กินขนมที่ชอบ ได้หรือเมื่อจบหนึ่งเล่มก็จะดูหนังที่ชอบสักเรื่อง อาจทำให้สิ่งที่ยากดูเป็นเรื่องง่ายขึ้น

การตั้งเป้าหมายเล็กๆ แล้วให้รางวัลตัวเองบ้างระหว่างทาง ทำให้เรารู้สึกถึง “การพัฒนา” และภาคภูมิใจในตัวเอง การเรียนเก่งเป็นเรื่องไม่ไกลเกินเอื้อม

เทคนิคเหล่านี้สามารถใช้ได้กับคนที่กำลังเริ่มเรียนภาษาใหม่ และคนที่เรียนมาระยะหนึ่งแล้วอยากพัฒนาตัวเองเพิ่ม อ. ผึ้ง ย้ำว่าการเรียนภาษาคือการฝึกฝนทักษะ และทักษะมักต้องใช้เวลานานในการทำซ้ำและพัฒนาจนกว่าจะชำนาญค่ะ เส้นทางการเรียนภาษาจึงไม่ได้จบง่ายๆ ในเดือนสองเดือน หรือแม้แต่ปีสองปี

เพราะฉะนั้น หลักสำคัญของการเรียนภาษาคือต้องได้ “ความสนุก” ควบคู่กับ “ความรู้” ด้วย หากเราเปลี่ยน “สิ่งที่ต้องทำ” ให้เป็น “สิ่งที่อยากทำ” ได้เมื่อไหร่ เราจะมีพลังใจและอยากลุกขึ้นมาทำมันบ่อยๆ และเมื่อนั้น เราจะไม่รู้สึกว่าการเรียนเป็นเรื่องฝืนใจหรือน่าเบื่ออีกเลย

หนึ่งในวิธีเติมไฟให้การเรียน คือเติมความสนุกด้วยการสลับหมุนกิจกรรมให้หลากหลาย

อ. ผึ้ง อารดา

สำหรับผู้สนใจพัฒนาทักษะการเรียนรู้และการทำงาน ติดตามความรู้และเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจ เทคนิคคำศัพท์ เทคนิคการเรียน การพัฒนาสมอง และความจำ ได้ที่ Website: alphamaxlearning.com และ Facebook: Arada – Alphamax Learning

2 ความเห็น

ใส่ความเห็น