เรารู้กันดีว่า การจะเรียนภาษาใหม่ๆ ให้เก่ง ต้องอาศัยความจำและสมองที่ดี เพราะต้องจดจำทั้งคำศัพท์ จดจำทั้งโครงสร้างประโยค และกฎอะไรอีกร้อยแปด แต่รู้ไหมคะว่า ในทางกลับกัน การจะเพิ่มประสิทธิภาพความจำและบริหารสมองให้แข็งแรง การเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยได้นะคะ
หลายคนเชื่อว่าตัวเองความจำไม่ดี ทำให้เรียนภาษาไม่เก่ง ไม่ว่าจะภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่นๆ ซึ่งจะว่าไปก็มีส่วนถูกอยู่เหมือนกันค่ะ การจะเรียนภาษาใหม่ๆ ต้องอาศัยประสิทธิภาพ “ความจำ” ที่ดี
แต่ “ความจำดี” ก็ไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมด เพราะการจะเรียนภาษาได้ดี ต้องมี “ความเข้าใจ” และ “การฝึกฝนอย่างถูกต้อง” รวมถึงองค์ประกอบอื่นอีกหลายอย่างด้วย
ถ้าใครเชื่อว่าตัวเอง “ความจำไม่ดี” แล้วใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการไม่ทบทวนความรู้เดิมหรือพัฒนาความรู้เพิ่ม ก็อาจเสี่ยงเป็นกลุ่มคนที่กำลังเดินถอยหลังได้เหมือนกัน โดยเฉพาะในยุคที่ทักษะภาษาอังกฤษ (หรือภาษาที่สองและสาม) มีความสำคัญในชีวิตเรามากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อปัญหาหลักคือ ความเชื่อว่าตัวเอง “ความจำไม่ดี” เรามาแก้ไขที่สาเหตุนี้ก่อนดีไหมคะ? ความจริงเทคนิคเพิ่มประสิทธิภาพความจำมีอยู่มากมาย อย่างที่ อ. ผึ้ง เคยเล่าบ่อยๆ แล้ว และหนึ่งในนั้นคือ “การเรียนภาษาใหม่เพิ่ม“
ฟังแล้วอาจเหมือนการ “หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง” แต่เรามาดูเหตุผลเบื้องหลังกันค่ะ
การเก่งทักษะภาษาใหม่ๆ ไม่ได้เป็นแค่ “ผลลัพธ์” ของการมีความจำดี แต่เป็น “วิธีสร้าง” ความจำดีด้วย
อ. ผึ้ง อารดา
สมองดีเพราะเก่งหลายภาษา
ผลวิจัยหลายชิ้นจากทั่วโลกยืนยันว่า คนที่สื่อสารได้คล่องสองภาษา หรือ “Bilingual” หรือพูดได้คล่องหลายภาษา “Multilingual” มีแนวโน้มที่จะมีความจำดี และการทำงานของสมองดีกว่าคนที่พูดได้แค่ภาษาเดียว
นั่นเป็นเพราะ ในการใส่รหัส ถอดรหัส และตีความหมาย สิ่งที่สมองรับรู้ให้เป็นภาษาอื่น (นอกจากภาษาแม่ ซึ่งในกรณีคนไทย ก็คือภาษาไทย) ทำให้สมองต้องผ่านกระบวนการคิด ประมวล แยกแยะ จัดเก็บสิ่งที่จำเป็น และดึงข้อมูลกลับออกมาใช้
สิ่งใดที่ต้องใช้กับสถานการณ์เฉพาะหน้าก็ถูกเก็บในความทรงจำระยะสั้น และอาจถูกลืมไปเมื่อหมดความจำเป็น สิ่งใดที่ถูกใช้บ่อยๆ และสมองเห็นว่าสำคัญกับสถานการณ์ในอนาคตก็จะถูกย้ายไปที่ความทรงจำระยะยาว
นอกจากนี้ มีหลายงานวิจัยยืนยันว่าการเรียนภาษาใหม่ๆ ทำให้สมองส่วนฮิปโปแคมปัส ซึ่งเป็นสมองทำหน้าที่เกี่ยวกับความจำ รวมทั้งสมองส่วนหน้ามีโครงสร้างแข็งแรงขึ้น เซลล์ประสาทก็เชื่อมต่อกันดีขึ้น ทำให้ความจำดีขึ้น คิดได้เร็วขึ้น และประสิทธิภาพของสมองดีขึ้นโดยรวม
ทุกครั้งที่เราตั้งใจและใส่ใจในการเรียนรู้ทักษะใหม่ อย่างเช่น การเรียนภาษาใหม่ เราทำความเข้าใจคำศัพท์ใหม่ ประโยคใหม่ๆ ในบริบทใหม่ๆ รวมทั้งเชื่อมโยงความรู้ใหม่เข้ากับสิ่งเดิมที่เรารู้แล้ว สมองจะทำงานเพิ่มขึ้น และทำงานอย่างเป็นระบบ (แทนที่จะขี้เกียจและอยู่เฉยๆ)
และยิ่งสมองฟิตเท่าไหร่ ประสิทธิภาพความจำของเราก็มีแนวโน้มจะดีขึ้นตามไปด้วย

ถึงคำว่า “Bilingual” และ “Multilingual” จะหมายถึงคนที่พูดได้มากกว่าหนึ่งภาษาในระดับ “คล่อง” ก็จริง แต่สำหรับใครที่รู้สึกตัวเองยังไม่คล่องแม้แต่ภาษาอังกฤษ (ทั้งที่อุตส่าห์เรียนกันมาตั้งแต่ประถม) ก็ไม่ใช่ว่าจะหมดหวังนะคะ
หากเป้าหมายระยะแรกคือการฝึกความจำ อาจไม่จำเป็นต้องเก่งภาษานั้นระดับ “ลึกซึ้ง” เพียงแค่ฝึกวันละนิด อย่างตั้งใจและสม่ำเสมอ ก็ช่วยเรื่องความจำได้แล้ว
อ. ผึ้ง อารดา
ในเมื่อระยะแรก เป้าหมายหลักของเราคือ การฝึกความจำ การได้ทักษะภาษาต่างประเทศด้วย ถือเป็นของแถมค่ะ เราจะได้ไม่กดดันตัวเอง จะท่องคำศัพท์แบบสบายๆ เรียนรู้ประโยคใหม่ๆ จากเพลงที่ชอบ หรือการ์ตูนสนุกๆ ที่ใช้ภาษาระดับง่ายๆ วันละตอนสองตอนก็โอเคอยู่นะคะ
วางแผนการเรียนคำศัพท์เริ่มต้น
ตามทฤษฎีการเรียนภาษาต่างประเทศ นักภาษาศาสตร์ประเมินไว้ว่า การรู้จักคำศัพท์อย่างน้อย 100 คำ ที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษานั้น ก็ช่วยให้เราสื่อสารระดับเบสิคได้แล้ว และถ้าฝึกไปเรื่อยๆ จนถึง 1,000 คำ เราจะสามารถสื่อสารระดับง่ายๆ ในชีวิตประจำวันได้หลายหัวข้อเลย
วันนี้เราสามารถตั้งเป้าหมาย และวางแผนการเรียนภาษาแบบง่ายๆ สำหรับตัวเองก่อน โดยไม่ต้องกดดันตัวเอง แต่ก็ต้องไม่น้อยเกินไปด้วย เช่น
- หาลิสต์คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (หรือภาษาอื่นๆ ที่เราชอบ) 100 คำแรกที่ใช้บ่อย
- แบ่งคำศัพท์ พร้อมตัวอย่างประโยคการใช้ แล้วฝึกให้ได้วันละ 3-5 คำ
- ใช้เวลาประมาณ 15 – 30 นาที ในการทบทวนแต่ละวัน
- ภายใน 3 เดือนนิดๆ เราก็ได้คำศัพท์ 100 คำแรก
- จากนั้นเริ่มต้นเซ็ตใหม่อีก 100 คำศัพท์
- ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนได้ 1,000 คำศัพท์
เรายังสามารถปรับแผนเองได้ตามความสะดวก เช่น
- เพิ่มระดับความยากของคำศัพท์
- เพิ่มตัวอย่างประโยคและการใช้
- เพิ่มระยะเวลาการฝึกแต่ละวัน
- เพิ่มจำนวนคำศัพท์ที่จะฝึกแต่ละวัน
- เพิ่มความหลากหลายของสื่อการเรียน (เช่น หนังสือ วิดีโอ เพลง บัตรคำศัพท์)
- เพิ่มความหลากหลายของทักษะ (ฟัง พูด อ่าน เขียน)
นอกจากคำศัพท์ 100 คำศัพท์แรก (จนถึง 1,000 คำศัพท์พื้นฐาน) จะช่วยให้เราเริ่มอ่านหนังสือในภาษานั้นได้เข้าใจ โดยเฉพาะหนังสือที่ใช้คำศัพท์ในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น บทความสั้นๆ นิทานเด็ก และข่าวสั้น การเรียนทักษะใหม่ยังช่วยให้สมองแข็งแรงขึ้น และประสิทธิภาพความจำของเราก็ดีขึ้นโดยอัตโนมัติ
ยิงปืนนัดเดียว ได้ทั้งทักษะภาษา ได้ทั้งทักษะสมอง
เรื่องเงินเรายังประหยัด อดออมได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องสมอง อ. ผึ้ง แนะนำให้ถือคติว่า “USE it or LOSE it.” ถ้าอยากความจำดี ต้องใช้สมองบ่อยๆ ค่ะ
บทความมีลิขสิทธิ์ : ขอบคุณที่ไม่คัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อก่อนได้รับอนุญาต
สำหรับผู้ที่สนใจภาษาอังกฤษแบบมือโปร เพื่อพัฒนาชีวิตการทำงานของคุณให้ก้าวขึ้นอีกระดับ ติดตามอ่านความรู้ดีๆ หรือลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจ เทคนิคคำศัพท์ เทคนิคการพัฒนาสมอง และความจำ ได้ที่ Website : alphamaxlearning.com และ Facebook Arada – AlphaMax Learning
