ปัจจุบัน การค้นหาความฉลาดใช้วิธีไหนกันนะ? บทคความที่แล้วเราคุยกันถึงนิยามแบบสั้นๆ ของไอคิว (IQ – Intelligence Quotient) และประวิติที่มาของการวัดไอคิว (อ่านเพิ่มเติมที่นี่) เราได้รู้แล้วว่าคนไอคิวสูงมีลักษณะแบบไหน
ในบทความนี้ เรามาดูว่า การวัดระดับไอคิวในปัจจุบันมีวิธีไหนบ้าง ถ้าอยากวัดระดับไอคิวตัวเอง สามารถหาแบบทดสอบทางออนไลน์ได้ไหม และข้อสอบแบบไหนถึงจะเรียกว่าน่าเชื่อถือที่สุด
ยังจำได้ใช่ไหมคะว่า ข้อสอบวัดไอคิวชุดแรกเริ่มถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อคนหา “เด็กไม่เก่ง” หรือ “เด็กเรียนอ่อน” แต่ปัจจุบันเราใช้การทดสอบเพื่อค้นหาระดับศักยภาพของสมองหรือระดับความฉลาดของคนทั่วไป
ในยุคแรกๆ ข้อสอบวัดทักษะและความรู้จากสิ่งที่เด็กได้เรียนในห้อง หรือทักษะง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การบวกเลข การเปรียบเทียบข้อมูล แต่ปัจจุบัน นิยามของทักษะทางไอคิวเปลี่ยนไปแล้ว แถมยังซับซ้อนกว่าเดิมพอสมควร
การสอบวัดไอคิวในปัจจุบัน
ทุกวันนี้ ข้อสอบที่ใช้วัดระดับไอคิวของเด็กและผู้ใหญ่ไม่ได้จับพวกเรามานั่งตอบคำถาม วาดรูป หรือชี้อวัยวะบนร่างกายแบบเด็กฝรั่งเศสสมัยก่อนแล้ว และไม่ใช่การวัดทักษะทางภาษา หรือคณิตศาสตร์ด้วย แต่ก็พัฒนามาจากแนวคิดเดียวกันค่ะ นั่นคือการวัดทักษะทางสมอง (cognitive skills) ของผู้สอบโดยตรง อย่างเช่น
- การคิด วิเคราะห์
- การเข้าใจมิติสัมพันธ์
- การใช้เหตุผล
- การแก้ปัญหา
- ความไวในการประมวลผลของสมอง
- ฯลฯ
ข้อสอบวัดระดับไอคิวในปัจจุบันจะไม่เกี่ยวกับ
- ความรู้จากหนังสือหรือประสบการณ์
- ความจำ
- ทักษะที่ฝึกฝนได้

ค่าเฉลี่ยไอคิวประชากรทั่วโลก
มีการเก็บสถิติระดับไอคิวของประชากรทั่วโลก และเผยแพร่บนเว็บไซต์ World Population Review และ World Data Info และมีการอัพเดทข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลล่าสุดบอกเราว่าค่าเฉลี่ยไอคิวของประชากรทั่วโลกคือประมาณ 100
ประเทศที่มีค่าเฉลี่ยระดับไอคิวสูงที่สุดในโลกคือ
- ญี่ปุ่น (106)
- ไต้หวัน (106)
- สิงคโปร์(106)
- ฮ่องกง (106)
หมายเหตุ อันดับเหล่านี้อาจมีสลับขึ้นลงบ้างเล็กน้อยในแต่ละปี แต่ก็อยู่ในระดับท็อปของโลกมาหลายสมัยแล้ว ส่วนค่าเฉลี่ยระดับไอคิวของคนไทยอยู่ที่ประมาณ 89
ความน่าเชื่อถือของข้อสอบ
ปัจจุบันมีข้อสอบอีกหลายประเภทถูกออกแบบเพื่อท้าทายและทดสอบผู้สนใจทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นฉบับกระดาษ หรือฉบับออนไลน์ บางฉบับก็ไม่ได้มาตรฐานด้านการออกแบบ บางฉบับก็ไม่ได้อ้างอิงเกณฑ์มาตรฐานสากล แต่ทำออกมาเพื่อความบันเทิง หรือเพียงเพื่อวัดระดับความสามารถเบื้องต้นของสมอง บางฉบับเพื่อใช้คัดเลือกคนเข้าทำงาน หรือเพื่อใช้ประกอบการวินัจฉัยโรคบางอย่าง
สำหรับใครที่รู้สึกคันไม้คันมือ จะทดลองทำข้อสอบออนไลน์ที่ให้บริการตามเว็บไซต์ต่างๆ ก็เป็นทางเลือกที่สะดวกค่ะ แต่คะแนนเหล่านั้นอาจไม่เที่ยงตรง และไม่ได้สะท้อนคำว่า “ไอคิว” ที่แท้จริง ถ้าจะวัดเพื่อประลองความสามารถของสมอง หรือเพื่อความบันเทิงเฉยๆ ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าตั้งใจจะนำผลไปใช้รับรองบางอย่าง หรือเพื่อเทียบตามเกณฑ์สากล อาจทำไม่ได้ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและเกณฑ์การรับขององค์กรนั้นด้วย)
ขณะที่ระดับสากลมีการจัดลำดับกลุ่มคนที่เรียกว่า “จีเนียส” คือประมาณ 140 ขึ้นไป และการจะมีระดับไอคิวทะลุเกิน 200 ได้ถือเป็นเรื่องยากมาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย (ถึงแม้จะมีการบันทึกสถิติอย่างไม่เป็นทางการไว้ในประวัติศาสตร์อยู่บ้าง) แต่ อ. ผึ้ง เคยเห็นคนที่ทำข้อสอบออนไลน์และได้ผลคะแนนที่ 300 แบบงงๆ มาแล้ว ทำเอาไอน์สไตน์ตกกระป๋องไปเลย
สำหรับคนที่จริงจังกับการค้นหาระดับไอคิวของตัวเอง หรือต้องการผลวัดไอคิวที่แม่นยำ เพื่อนำผลรับรองไปใช้เพื่อจุดประสงค์เฉพาะบางอย่าง ควรมองหาองค์กรที่ให้บริการวัดระดับไอคิวโดยมีมาตรฐานอ้างอิงเป็นสากลดีกว่า อย่างเช่น การทดสอบที่ถูกออกแบบและจัดสอบโดยองค์กรเมนซ่า (Mensa High IQ Society) ซึ่งเป็นองค์กรสำหรับสมาชิกที่มีระดับไอคิวระดับ Top 2% เมื่อเทียบกับประชากรทั่วโลก ก่อตั้งขึ้นในอังกฤษ เมื่อปี 1946 เป็นองค์กรสนับสนุนด้านไอคิวความฉลาดที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้ข้อสอบมาตรฐานบางชุด ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าสามารถนำผลคะแนนนั้นมาเทียบเคียงกับระดับไอคิวได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและเกณฑ์การรับรองของแต่ละองค์กรอีกเหมือนกัน
ข้อสังเกตสำคัญคือ ถึงแม้ผู้ให้บริการทดสอบไอคิวบางแห่งจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการสอบ (ไม่ใช่ฉบับฟรี) ก็ไม่ได้หมายความว่าข้อสอบที่เขาใช้จะได้มาตรฐานเสมอไปนะคะ เพราะนอกจากเกณฑ์มาตรฐานที่ใช้อิงในการออกข้อสอบแล้ว อีกหนึ่งเกณฑ์สำคัญคือจะต้องมีการยืนยันตัวบุคคล (ว่าเป็นตัวจริง ไม่ได้ส่งตัวแทนมา และไม่มีการช่วยเหลือระหว่างทดสอบ)
นอกจากนี้ การมีผู้คุมสอบในสนามจริง และการจับเวลาอย่างเคร่งครัดก็เป็นเรื่องสำคัญมาก ผลวัดระดับไอคิวจากข้อสอบออนไลน์ (ณ ปัจจุบันที่เขียนบทความนี้) จึงถือว่ายังไม่มีความแม่นยำเพียงพอ
ย้ำอีกทีค่ะว่า ข้อสอบออนไลน์สามารถใช้เช็คทักษะสมองของเราแบบคร่าวๆ ได้ แต่อาจไม่สามารถใช้เป็นผลคะแนนอย่างทางการได้
ประสบการณ์สอบตรงกับเมนซ่า
ความอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน สมัยเด็ก อ. ผึ้ง เองก็เคยได้ทดสอบวัดไอคิวเล่นๆ จากหนังสือบ้าง จากแบบฝึกหัดเล็กๆ ในห้องเรียนที่คุณครูแจกบ้าง เหมือนใครหลายๆ คน
ในฐานะผู้เคยเข้าทดสอบไอคิวอย่างเป็นทางการที่สหราชอาณาจักรเมื่อหลายปีก่อน (และปัจจุบันก็เป็นสมาชิกองค์กร Mensa High IQ Society และ Intertel High IQ Society ของสหรัฐอเมริกาแล้ว) อ. ผึ้งยืนยันว่าข้อสอบที่ได้มาตรฐานทุกชุดต้องผ่านการออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ มีการตรวจสอบรัดกุม เที่ยงตรง และเป็นธรรมแน่นอน

วัดไอคิว จำเป็นไหม?
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น ช่วยให้เราเข้าใจว่า การวัดไอคิวคืออะไร และข้อสอบแบบไหนน่าเชื่อถือกว่ากัน บางคนอาจมองว่าการวัดระดับไอคิวไม่ใช่การวัดความสำเร็จทั้งหมดของชีวิตสักหน่อย ซึ่งก็จริงค่ะ เพราะระดับความฉลาดของมนุษย์ยังมีอีกหลากหลายมิติ
คนมีระดับไอคิวสูงสะท้อนถึงความฉลาดในการเรียนรู้สิ่งใหม่ เป็นคนหัวไว คิดได้แม่นยำและเที่ยงตรง มักมองสถานการณ์ได้ขาด และมีแนวโน้มว่าจะแก้ปัญหาได้ดี แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าคนๆ นั้นจะเป็นยอดมนุษย์ในทุกด้านของชีวิตด้วย
แต่การได้รู้ระดับศักยภาพสมองของตัวเอง ไม่ว่าจะในวัยผู้ใหญ่หรือเด็ก บางทีก็ช่วยให้เราได้หันมามองและตระหนักถึงจุดแข็งที่มีในตัว หรือเห็นจุดที่ขาดและควรเร่งพัฒนา
ถึงแม้การมีไอคิวสูงไม่ใช่ทักษะที่นำไปประกอบอาชีพได้โดยตรง ไม่เหมือนทักษะด้านภาษา กีฬา ดนตรี หรือวิชาชีพอื่นๆ แต่การมีสมองดีก็เป็นเครื่องการันตีอย่างหนึ่งว่าคนๆ นั้นมีโอกาสประสบความสำเร็จในเส้นทางที่เขาเลือก ไม่ว่าจะเป็นด้านใด (ซึ่งแน่นอนว่า ยังมีมิติอื่นๆ ของชีวิตที่เป็นองค์ประกอบชี้วัดความสำเร็จด้วย)
ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ การสร้างโอกาสและการพาตัวเองไปอยู่สิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นให้สมองเกิดการคิด วิเคราะห์ และเรียนรู้อยู่เสมอ เป็นสิ่งจำเป็นค่ะ
ยิ่งสมองถูกใช้งานบ่อย เครือข่ายเซลล์สมองยิ่งแข็งแรงขึ้น ทักษะการคิด การเรียนรู้ และความจำก็มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคสมองเสื่อมด้วย
สำหรับคนที่อยากเรียนรู้เรื่องความฉลาดทางสติปัญญาอย่างละเอียด อยากรู้เทคนิคการเรียนรู้ไว และคิดอย่างมีประสิทธิภาพ อยากรู้เรื่องราวของสมาชิกองค์กรผู้มีไอคิวสูง หรือมีคำถามใดเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพสมอง สามารถฝากความคิดเห็นหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้นะคะ
หากมีผู้สนใจมากพอ อ. ผึ้ง จะรวมรวบข้อมูลออกมาในรูปหนังสือเล่มหรือคอร์สเรียน เพื่อให้ความรู้อย่างละเอียดกับผู้สนใจพัฒนาศักยภาพสมองตัวเองให้ถึงขีดสุด
บทความมีลิขสิทธิ์ : ขอบคุณที่ไม่คัดลอก หรือดัดแปลงเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ
สำหรับผู้สนใจพัฒนาทักษะการเรียนรู้และการทำงาน ติดตามความรู้และเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจ เทคนิคคำศัพท์ เทคนิคการเรียน การพัฒนาสมอง และความจำ ได้ที่ Website: alphamaxlearning.com และ Facebook: Arada – Alphamax Learning

1 ความเห็น