เลข 7 เป็นเลขที่มีความพิเศษมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในวัฒนธรรมตะวันตก เลข 7 มักจะถูกมองว่าเป็นเลขนำโชค เลขมงคล แล้วเลข 7 ที่ให้ความหมายไม่ค่อยจะมงคลล่ะ มีไหม? คำตอบอยู่ในสำนวนภาษาอังกฤษวันนี้ค่ะ



Seven-Year Itch” เป็นสำนวนฝรั่งที่ใช้เปรียบเทียบความสัมพันธ์ของคู่รัก คำว่า “itch” หมายถึง “อาการคัน” หรือ “เกา” เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่ไม่เคยได้ยินสำนวนนี้มาก่อนก็น่าจะเดาความหมายไม่ยาก ความรักที่มันคันยุกยิกกวนใจ ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีแน่ และมักนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้ง จนถึงขั้นแตกหัก


แต่คำว่า “seven year(s)” หรือ “เจ็ดปี” นี่สิ เขานับไปข้างหน้าว่าจากปีที่เจ็ดเป็นต้นไป หรือนับย้อนกลับว่าคันยุกยิกมาตั้งเจ็ดปีแล้วกันแน่? มาดูกันต่อค่ะ


ในทางการแพทย์ หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า “Seven-Year Itch” เป็นอีกหนึ่งฉายาที่ใช้เรียกโรคผื่นแพ้คันจากผิวหนังอักเสบ (eczema) ซึ่งเกิดจากตัวไรชนิดหนึ่งที่ชื่อ “scabies mite” ที่อาศัยบนร่างกายมนุษย์ กัดกินเซลล์ผิวหนังเป็นอาหาร และนำไปสู่โรคหิด


ว่ากันว่า ถ้าใครเป็นโรคหิดแล้วจะคันยุบยับ ต้องเกากันจนผิวถลอกปอกเปิก ยิ่งในอดีตที่ยังไม่มียารักษาให้หายขาด ถ้าใครเป็นหิดแล้วมักจะต้องนั่งเกานอนเกาไปอีกเจ็ดปี ไม่รู้ตัวเลขนี้เท็จจริงแค่ไหน แต่ถ้าไม่ใช่ก็คงใกล้เคียง


จนกระทั่งปี ค.ศ. 1845 ก็มีการยกชื่อ “Seven-Year Itch” มาเป็นสำนวนเปรียบเทียบสถานการณ์ที่สร้างความรู้สึกหงุดหงิด หรืออะไรที่มันจุกจิกกวนใจ เช่นว่า “as close as the seven-year itch” หรือ “(แย่) พอๆ กับเป็นหิดมาเจ็ดปี” นั่นเอง


ในช่วงศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 สหรัฐอเมริกาก็ได้ตั้งฉายาใหม่ให้อาการคันคะเยอจากโรคหิดนี้ว่า “camp itch” หรือ “army itch” สาเหตุเกิดจากการแพร่ระบาดในกลุ่มทหารสหรัฐ


ซึ่งเราแอบสันนิษฐานต่อว่าอาจด้วยภาระจำเป็นและสภาพแวดล้อมของชีวิตทหาร โดยเฉพาะในช่วงสงคราม เรื่องจะกินให้ครบ นอนให้อิ่มยังลำบาก เรื่องความสะอาดจึงไม่ต้องถามถึง เพราะฉะนั้นโรคหิดจึงมักติดกันไปติดกันมาในค่ายทหารอย่างเลี่ยงไม่ได้


หลังถูกปลดประจำการแล้ว ไม่ว่าเหล่าทหารหาญจะเดินทางกลับบ้านเกิด หรือเดินทางต่อไปที่ไหน ของฝากที่นำติดตัวไปด้วยก็คือโรคหิดที่ว่า ในสมัยนั้น ชาวบ้านยังหวาดกลัวและไม่สะดวกใจที่จะติดต่อกับคนเป็นโรคหิด เวลาเจอกันตามถนนหนทางก็ต้องรักษาระยะห่างไว้หลายเมตรทีเดียว น่าเห็นใจพวกเขาเหมือนกันนะคะ


ในปี ค.ศ. 1955 สำนวน “Seven-Year Itch” ถูกหยิบมาตั้งเป็นชื่อหนังฮอลลีวูด และได้รับการตีความใหม่โดยใส่ทฤษฏีจิตวิทยาลงไปให้ดูสมจริงด้วย ตัวละครนำชายในเรื่อง ซึ่งแสดงโดย ทอม อีเวลล์
(Tom Ewell) สวมบทผู้บริหารสำนักพิมพ์ที่ต้องตรวจต้นฉบับหนังสือจิตวิทยาเล่มหนึ่ง ซึ่งอ้างถึงทฤษฏีพฤติกรรมเพศชายว่า มีแนวโน้มมองหาความสัมพันธ์ใหม่ๆ เมื่อเข้าสู่ปีที่เจ็ดของการแต่งงาน


พูดง่ายๆ ว่ามักหาเรื่องนอกใจนั่นเอง


ในระหว่างที่ทั้งภรรยาและลูกชายไปเที่ยวต่างเมืองและเขาต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง บังเอิญเพื่อนบ้านสาวเซ็กซี่ ซึ่งแสดงโดยมาริลีน มอนโร (Marilyn Monroe) ก็โผล่เข้ามาในชีวิต พล็อตนี้คนดูคงเดาต่อไม่ยาก สุดท้ายเขาก็หลวมตัวแสดงบทบาทไปตามทฤษฏีที่ตัวเองกำลังอ่านอยู่เสียเอง


ภาพยนตร์เรื่องนี้เลือกตีความคำว่า “Seven-Year Itch” ว่า “เริ่มคันจากปีที่เจ็ด” แทนที่จะ “คันมาเจ็ดปี” อย่างที่เคยเข้าใจกัน การใส่บริบทใหม่เข้าไปในสำนวนนี้ เราไม่แน่ใจว่าเขาเน้นขายความบันเทิง หรือมีหลักฐานสนับสนุนจริงๆ แต่ก็ทำคนดูเกิดอาการ “อิน” และเชื่อสนิทใจ เกิดเป็นความเชื่อใหม่อย่างจริงจังว่า คู่ไหนที่รักกันมา 7 ปี ระวังตัวให้ดีละกัน


เนื่องจากการตีความใหม่นี้ฟังดูเข้าท่า และน่าจะมีความเป็นไปได้พอสมควร เพื่อเป็นการหาข้อสรุปของอาถรรพ์เลข 7 นักจิตวิทยาและนักมนุษยศาสตร์จากหลายประเทศเลยหันมาทำวิจัยความสัมพันธ์ของคู่รักจริงๆ เสียเลย


ในช่วงปลายทศวรรษ 80 มีงานวิจัยชิ้นใหญ่ที่เก็บข้อมูลจากคู่ร้างทั่วโลก ได้ผลสรุปออกมาว่าโดยเฉลี่ยแล้วการหย่าร้างของคู่สมรสจะเกิดขึ้นในปีที่ 4 เท่านั้น

สถิติในชีวิตจริงมันแย่กว่าอาถรรพ์เลข 7 ที่เราคิดไว้เสียอีก

Photo by Achraf Alan on Pexels.com


ปัจจุบันสำนวน “Seven-Year Itch” นอกจากจะเป็นความเชื่อที่ผิดไปจากจุดเริ่มต้นแล้ว ตัวเลขก็ยังดูจะไม่แม่นยำอีกด้วย แต่ถ้าเรากลับมาคิดดีๆ แล้ว สิ่งที่สามารถสร้างความคันให้ชีวิตคู่ได้ ไม่น่าจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นปุบปับ แต่ค่อยๆ ถูกสะสมพอกพูนขึ้นมากกว่า เพราะฉะนั้นจะนับไปข้างหน้าหรือข้างหลังก็คงไม่ผิดกันนัก


อิทธิพลเลข 7 เป็นได้ทั้งเลขนำโชค และเลขอาถรรพ์ เพราะอยู่ที่มนุษย์เราใส่เรื่องราวและตีความหมายให้มัน แต่สำหรับคนที่เชื่อเรื่องอิทธิพลของการกระทำ ถ้ามีความเข้าใจและความเสมอต้นเสมอปลายให้คนที่เรารักแล้ว จะ 7 วัน, 7 ปี, หรือ 70 ปี จะตัวเลขไหนก็มาขโมยความสุขชีวิตคู่ไปไม่ได้แน่นอน


สำหรับผู้สนใจพัฒนาทักษะการเรียนรู้และการทำงาน ติดตามความรู้และเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจ เทคนิคคำศัพท์ เทคนิคการเรียน การพัฒนาสมอง และความจำ ได้ที่ Website: alphamaxlearning.com และ Facebook: Arada – Alphamax Learning

ใส่ความเห็น