หลายคนคงเคยได้ยินแนวคิดเรื่องการใช้ดนตรีคลาสสิคช่วยเพิ่มความฉลาด หรือ
“Mozart Effect” กันมาบ้าง

เรารู้กันดีว่าการเล่นดนตรีช่วยเสริมพัฒนาการทางสมองและอารมณ์ของผู้เล่นได้ แต่การฟังดนตรีเพียงอย่างเดียวสามารถช่วยให้สมองของผู้ฟังฉลาดขึ้นด้วย จริงไหม?

โมสาร์ตเอ็ฟเฟ็กต์ (Mozart Effect) เป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันมานานแล้วในวงการจิตวิทยาและประสาทวิทยา คำนี้มีต้นกำเนิดจากงานวิจัยในปี 1993 โดย Rauscher, Shaw และ Ky ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nature

งานวิจัยนี้รายงานว่าผู้เข้าร่วมการทดลองที่ฟังเพลง “Sonata for Two Pianos in D Major, K. 448” ของโมสาร์ต มีความสามารถที่ดีขึ้นในการทำงานด้านการใช้เหตุผลเชิงพื้นที่ (Spatial-temporal reasoning) เมื่อเทียบกับกลุ่มที่นั่งเงียบๆ หรือเพียงฟังคำแนะนำเรื่องการผ่อนคลายทั่วไป

ตั้งแต่นั้นมา โมสาร์ตเอ็ฟเฟ็กต์ก็สร้างกระแสดังไปทั่วโลก มีทั้งคำยืนยันและข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องนี้

แนวคิดโมสาร์ตเอ็ฟเฟ็กต์ทำให้หลายคนเข้าใจว่าการเปิดเพลงคลาสสิกให้เด็กฟังทั้งวันทั้งคืน จะทำให้สมองเด็กฉลาดขึ้นแบบเร่งด่วน สำหรับผู้ใหญ่ การฟังดนตรีคลาสสิคก่อนสอบอาจช่วยให้สมองแล่นและความจำดี

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา โมสาร์ตเอ็ฟเฟ็กต์ถูกสื่อและผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์โปรโมทอย่างเกินจริง เช่น การอ้างว่าการฟังเพลงของโมสาร์ตสามารถเพิ่มไอคิวหรือพัฒนาความฉลาดได้ ทั้งที่งานวิจัยข้างต้นไม่ได้สนับสนุนแนวคิดว่าการฟังเพลงของโมสาร์ตมีผลกระทบ “ระยะยาว” ต่อความฉลาดหรือการพัฒนาสมองเลย

มีหลายงานวิจัยที่ศึกษาเรื่องการฟังเพลงที่ส่งผลต่อการทำงานของสมองในลักษณะคล้ายกัน โดยเฉพาะดนตรีคลาสสิค และได้ข้อสรุปว่า การฟังเพลงช่วยให้ผู้ฟังเกิดสมาธิ เพิ่มทักษะการใช้เหตุผล เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ เกิดความผ่อนคลาย และข้อดีอื่นๆ อีกมากมาย นั่นเพราะการเรียบเรียงโน้ตดนตรีลักษณะนี้ไปช่วยปรับคลื่นสมองของผู้ฟังให้อยู่ในภาวะพร้อมทำงานหรือผ่อนคลายได้ดี

ขณะเดียวกัน งานวิจัยบางชิ้นที่สามารถทำซ้ำและสร้างผลลัพธ์ซ้ำได้ ได้อธิบายว่าการฟังเพลงที่มีการเรียบเรียงแบบซับซ้อน เช่น เพลงของโมสาร์ต อาจไปกระตุ้นสมองในบางส่วนเพียงชั่วคราวเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ผลวิจัยอีกหลายชิ้นก็ทำให้เราพบอีกหลายมุมมองที่น่าสนใจค่ะ และสรุปได้ว่าผลของโมสาร์ตเอ็ฟเฟ็กต์นั้น มีเพียงเล็กน้อย และจริงๆ แล้วอาจเกิดจาก การกระตุ้นอารมณ์ และ ความตื่นตัว ของผู้ฟังมากกว่าเป็นการพัฒนาความสามารถทางปัญญาโดยตรง

แม้แต่นักวิจัยซึ่งเป็นที่มาของแนวคิด “Mozart Effect” ก็ออกมายืนยันเองว่า การฟังเพลงโมสาร์ตช่วยให้การประมวลความคิดและความจำดีขึ้นก็จริง แต่ดีขึ้นเพียง “ชั่วคราว” หรือเป็นเวลาประมาณ 10–15 นาที หลังการฟัง และไม่ได้ช่วยให้ความสามารถพื้นฐาน (General Intelligence) ของผู้ฟังเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

ที่สำคัญคือ ประสิทธิภาพสมองที่ดีขึ้นนี้เจาะจงกับงานบางประเภทเท่านั้น เช่น การแก้ปริศนา หรือการหมุนวัตถุในจินตนาการ

Photo by Steve Johnson on Pexels.com

งานวิจัยหลายๆ ชิ้นในยุคต่อมาช่วยยืนยันไปในทางเดียวกันว่า ไม่ว่ากิจกรรมใดๆ ที่ช่วย พัฒนาอารมณ์ และ กระตุ้นสมอง อาจสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางปัญญาของเราได้ “ชั่วคราว” ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือหรือดูภาพยนตร์ การเต้นรำ การเล่นกีฬา การเล่นดนตรี หรือกิจกรรมสร้างสรรค์ใดๆ ที่เราชื่นชอบ

เพราะฉะนั้น อ. ผึ้ง แนะนำว่าการเพิ่มประสิทธิภาพความคิดไม่จำเป็นต้องใช้เพลงของโมสาร์ตเท่านั้น กิจกรรมอื่นๆ หรือการฟังเพลงอื่นๆ ที่เราชื่นชอบอาจให้ผลลัพธ์ที่คล้ายกัน โดยการช่วยให้สมองมีสมาธิและอยู่ในสภาวะพร้อมทำงาน

การฟังเพลงของโมสาร์ต (หรือเพลงที่มีการเรียบเรียงดนตรีซับซ้อนอื่นๆ ที่เราชื่นชอบ) อาจช่วยเพิ่มสมาธิและความสามารถในงานบางประเภทในช่วงเวลาสั้น ๆ เนื่องจากการกระตุ้นอารมณ์และสมองบางส่วน แต่ไม่ใช่การพัฒนาสมองโดยถาวร และยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเพลงคลาสสิคสามารถช่วยพัฒนาความฉลาดหรือความสามารถทางปัญญาในระยะยาวนะคะ

อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากฟังเพลงของโมสาร์ต (หรือเพลงที่เราชอบ) เพื่อช่วยให้รู้สึกสงบ มีสมาธิ หรือมีพลัง และช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ ก็สามารถทำได้ทันที

แต่สำหรับการพัฒนาความฉลาดทางปัญญาในระยะยาว วิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่าคือการออกกำลังกายสม่ำเสมอ การนอนหลับให้เพียงพอ การทำสมาธิ การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อให้โครงสร้างเซลล์สมองแข็งแรงและความจำดี รวมทั้งการรักษาสุขภาพโดยรวมอยู่เสมอนะคะ


สำหรับผู้สนใจพัฒนาทักษะการเรียนรู้และการทำงาน ติดตามความรู้และเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจ เทคนิคคำศัพท์ เทคนิคการเรียน การพัฒนาสมอง และความจำ ได้ที่ Website: alphamaxlearning.com และ Facebook: Arada – Alphamax Learning

ใส่ความเห็น