ภาษาอังกฤษมีสำเนียงที่หลากหลายทั่วโลก สามารถแบ่งได้เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ตามภูมิภาคหรือประเทศที่เป็นแหล่งกำเนิดหลักของภาษาอังกฤษค่ะ และสำเนียงหนึ่งที่คนทั่วโลกมองว่ามีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็คือ ภาษาอังกฤษแบบบริติช

วันนี้เรามาทำความรู้จัก ภาษาอังกฤษแบบบริติช (British English), ชาวบริติช (British people), และสำเนียงแบบบริติชมาตรฐาน (RP) ไปพร้อมกันค่ะ

ก่อนจะรู้จักภาษา เรามารู้จักชาวบริติชกันก่อน ชาวบริติช หรือ “British people” และบางทีก็นิยมเรียกสั้นๆ ว่า “Brits” หรือ “Britons” คือคนที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร (The United Kingdom – UK) ซึ่งประกอบด้วย 4 ประเทศ

  • ประเทศอังกฤษ (England)
  • ประเทศสก็อตแลนด์ (Scotland)
  • ประเทศเวลส์ (Wales)
  • ประเทศไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland)

และแน่นอนว่า ทั้งสี่ประเทศนี้ก็มีสำเนียงไม่เหมือนกันเลย

ใช่แล้วค่ะ แม้แต่ภายในสหราชอาณาจักรเองก็ยังมีสำเนียงท้องถิ่น ที่แตกต่างกันไปอีกมากมาย ขึ้นอยู่กับภูมิภาคและอิทธิพลแวดล้อม เช่น สำเนียงทางเหนือกับสำเนียงทางใต้ (หรือแม้แต่ทางตะวันออกและตะวันตก) ก็ไม่เหมือนกัน แม้แต่เมืองที่มีอาณาเขตติดกันอย่างเมืองลิเวอร์พูลกับเมืองแมนเชสเตอร์ก็ยังมีสำเนียงแตกต่างกัน หรือแม้แต่ในเมืองเดียวกัน แต่ละตำบลท้องถิ่นก็อาจมีสำเนียงเฉพาะตัวด้วย

แต่ในบทความนี้ เราจะคุยเฉพาะสำเนียงมาตรฐานที่ถูกยกให้เป็นตัวแทนของสำเนียงบริติชสมัยใหม่ หรือ RP เท่านั้นค่ะ

RP (Received Pronunciation) คือสำเนียงภาษาอังกฤษที่ถือเป็น “มาตรฐาน” หรือ “สำเนียงทางการ” ในประเทศอังกฤษ และมักถูกใช้ในบริบททางการ เช่น สื่อมวลชนระดับประเทศ การสอนภาษาอังกฤษ และสถาบันการศึกษาชั้นนำ เช่น มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (ถึงแม้ปัจจุบันสถาบันเหล่านี้อาจยืดหยุ่นเรื่องสำเนียงที่ใช้ในการเรียนการสอนแล้ว)

Photo by Lina Kivaka on Pexels.com

ภาษาอังกฤษแบบบริติชมาตรฐาน แตกต่างจากภาษาอังกฤษสำเนียงอื่นยังไงบ้าง มาดูกันค่ะ

กฏข้อแรกที่เห็นชัดเจนคือ ตัว “r” จะไม่ออกเสียงหากตามหลังด้วยสระ หรือที่เรียกว่า
Non-Rhotic Accent เช่น

  • ตัวอย่าง
    • car ออกเสียงว่า “คา”
    • father ออกเสียงว่า “ฟาเธอะ”

ภาษาอังกฤษแบบบริติชมาตรฐานจะออกเสียงตัว “t” ไม่ดรอปเสียงค่ะ

  • ตัวอย่าง
    • bottle ออกเสียงว่า “บอทเทิล” ไม่ใช่ “บอเดิล” อย่างในสำเนียงอเมริกัน
    • water ออกเสียงว่า “วอเทอะ” ไม่ใช่ “วอเดอะ” อย่างในสำเนียงอเมริกัน
  • ตัวอย่าง:
    • bath ออกเสียงว่า “บาห์ธ” (ยาวกว่า “bath” ในสำเนียงอเมริกัน)
    • goat ออกเสียงว่า “โกท” ด้วยเสียงสระที่ใกล้กับคำว่า “ou
  • ตัวอย่าง
    • schedule ออกเสียงว่า “เชดจูล” (ไม่ใช่ “สเกดจูล” อย่างอเมริกัน)
    • advertisement ออกเสียงว่า “แอด-เวอ-ไทส์-เมนท์”


สำเนียง RP มักถูกมองว่าเป็นภาษาที่ชนชั้นสูงใช้กัน หรือเป็นการพูดแบบทางการ และมีภาพลักษณ์ของความเป็นผู้ดีอังกฤษ สำเนียงนี้จึงเป็นที่นิยมกันในวงการสื่อ เช่น BBC จนกลายเป็นสำเนียงที่เรียกอีกอย่างว่า BBC English

อย่างไรก็ตาม การพูดด้วยสำเนียง RP ก็ไม่ได้แพร่หลายทั่วไปในอังกฤษหรือสหราชอาณาจักรนะคะ เพราะอย่างที่บอกไปว่า ภาษาอังกฤษของที่นี่ยังมีสำเนียงท้องถิ่นอีกหลากหลาย

ถึงแม้จะเป็นสำเนียงมาตรฐานแล้ว แต่เพราะภาษาเป็นสิ่งที่ดิ้นได้เสมอ สำเนียง RP British English ก็ยังมีการเติบโตและวิวัฒนาการตามเวลาด้วย ถ้ามองตามหลักภาษาศาสตร์ เราจะเห็นการเปลี่ยนผ่านของภาษาเป็น 3 ช่วงกว้างๆ ค่ะ

  • Conservative RP
    • รูปแบบดั้งเดิม มักใช้กันในกลุ่มผู้สูงอายุหรือเอกสารเสียงเก่าๆ
  • Contemporary RP
    • รูปแบบที่ทันสมัยขึ้น เป็นที่นิยมและแพร่หลายมากกว่า ในปัจจุบันจะใช้กันในกลุ่มคนรุ่นใหม่
  • Advanced RP
    • รูปแบบที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและอิทธิพลของวัฒนธรรมอื่นที่รับเข้ามา

สำเนียง RP เป็นตัวอย่างสำเนียงที่คนทั่วโลกคุ้นเคยค่ะ โดยเฉพาะคนที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษแบบบริติช ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่สำเนียงที่ใช้กันทั่วไปในอังกฤษ แต่ RP ก็ยังคงใช้กันมากในด้านการศึกษาและการสื่อสารแบบทางการระหว่างประเทศ

ถ้าคุณสนใจสำเนียง RP อ. ผึ้ง แนะนำให้เริ่มฝึกการฟังจากสื่อแบบบริติชโดยตรง เช่น สื่อของ BBC หรือฝึกตามตัวอย่างนักแสดงชาวอังกฤษที่ใช้สำเนียง RP ก็ได้ เช่น Benedict Cumberbatch หรือ Emma Watson หรือถ้าอยากสนุกยาวๆ ไปเลยก็ลองเริ่มจากภาพยนตร์อย่าง Harry Potter ได้เลยค่ะ


สำหรับผู้สนใจพัฒนาทักษะการเรียนรู้และการทำงาน ติดตามความรู้และเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจ เทคนิคคำศัพท์ เทคนิคการเรียน การพัฒนาสมอง และความจำ ได้ที่ Website: alphamaxlearning.com และ Facebook: Arada – Alphamax Learning

1 ความเห็น

ใส่ความเห็น