“ทำยังไงดี ตั้งเป้าหมายว่าต้องเก่งภาษาอังกฤษให้ได้ เรียนมาก็หลายปี แต่ก็ไม่พัฒนาขึ้นเลย?” คำถามยอดฮิตที่หลายคนอยากรู้สาเหตุและวิธีแก้ปัญหา ที่เราจะมาวิเคราะห์และหาคำตอบกันในบทความนี้
เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาของนักเรียนคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของหลายๆ คน รับรองว่าเจอกันถ้วนหน้าค่ะ แม้แต่ อ. ผึ้ง เองครั้งหนึ่งก็เคยติดล็อคตรงนี้เหมือนกัน จนมาย้อนคิดหาสาเหตุและค้นพบกฏสำคัญของคำว่า “วินัย” ที่ตัวเอง (เคย) เข้าใจผิดมาตลอด ใครที่กำลังเจอปัญหาเรื่องการฝึกภาษา วันนี้เราจะมาปลดล็อคไปพร้อมกันค่ะ
เริ่มต้นฝึกภาษา
สำหรับหลายๆ คน การมองหาพลังใจเพื่อ “เริ่มต้น” ลงมือทำอะไรบางอย่างว่าเป็นเรื่องยากแล้ว การฝึกฝนให้ “ต่อเนื่อง” เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายดูเป็นเรื่องยากกว่า นั่นเพราะคราวนี้นอกจากใช้พลังใจแล้ว ยังต้องใช้การจัดสรรเวลาอย่างถูกต้องด้วย ซึ่งก็คือ “วินัย”
แต่ถ้าเราตีความคำว่า “วินัย” ได้ไม่ครบถ้วน มันอาจกลายเป็นกับดักที่หลอกให้เราวิ่งวนลูปที่เดิมก็ได้
วินัยการฝึกภาษา
วินัย – คำนี้ของหลายคนอาจหมายถึงการแบ่งเวลาว่างในแต่ละวันเพื่อมาทำอะไรบางอย่างซ้ำๆ ต่อเนื่อง โดยไม่ขี้เกียจ ไม่มีข้ออ้าง และไม่ล้มเลิก
ตัวอย่างคนที่อยากฝึกภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมสอบ หรือเพื่ออยากพูดสื่อสารได้ การสร้างวินัยคือการจัดตารางเวลา เช้าท่องศัพท์ บ่ายเรียนแกรมม่า ตกเย็นทำแบบฝึกหัด ตบท้ายด้วยการฟังเพลงฝรั่งที่ชอบสักรอบสองรอบก่อนนอน
ทุ่มเกินร้อยขนาดนี้ เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า แต่เราอาจลืมไปว่าการลงแรงทำงานหนักกว่า ไม่ได้เท่ากับความสำเร็จที่มากกว่าเสมอไป!

เรื่องเข้าใจผิดของ “วินัย”
รถยนต์ เครื่องจักร อุปกรณ์ต่างๆ ยิ่งถูกใช้งานหนักเป็นประจำ ยิ่งต้องมีการตรวจเช็ค ประเมิน และซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ ระบบการเรียนรู้ของเราก็เหมือนกันค่ะ
คนขยันที่สุดท้ายต้อง “ล้มเลิก” ความตั้งใจ สาเหตุหนึ่งของความผิดพลาดมักมาจากการลก้มหน้าก้มตาทำไปเรื่อยๆ แต่ลืมหันกลับมาเช็คเป็นระยะว่า เราเดินมา “ถูกทิศทาง” หรือเปล่า? แล้วความผิดพลาดมาจากอะไรได้บ้าง
ความรู้ที่ผิด
ถ้าเราบังเอิญได้รับ “ความรู้ที่ผิด” การนำมาฝึกฝนซ้ำๆ เท่ากับการตอกย้ำข้อมูลผิดๆ เข้าสู่สมองด้วย ลองนึกภาพตะปูที่เราใช้ค้อนตีและทุบมันทุกวัน ยิ่งวันยิ่งฝังลึกลงเรื่อยๆ ถ้าวันหนึ่งจะแก้ไขโดยการงัดตะปูออกก็ไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จไหม ความรู้ที่ผิดมีอะไรบ้าง เช่น
- เข้าใจความหมายคำศัพท์ผิด
- เช่น เมื่อเห็นการสะกดด้วยภาษาแชท ที่สะกดแบบสั้นๆ และใช้ตัวย่อบ่อยๆ อย่าง LOL, OMG, RIP, Gimme, Good nite ไม่ว่าจากโซเชียลมีเดีย หรือจากเกม ก็จดจำนำมาใช้จนชิน เวลาต้องเขียนเป็นประโยคเต็มทีไร กลับนึกไม่ออก หรือสะกดผิดทุกที เพราะไม่เคยเห็นตัวอย่างคำศัพท์ที่ถูกต้อง หรือไม่เคยเห็นรูปเต็ม
- จำการสะกดคำศัพท์ผิด
- เช่น สับสนระหว่างความหมายของคู่ศัพท์ตรงข้ามอย่าง “Loan – ให้ยืม” กับ “Borrow – ขอยืม” (ซึ่งคนที่สับสนคู่คำศัพท์นี้มีจริงๆ และมีเยอะด้วยค่ะ) เมื่อใช้คำศัพท์ผิด ความหมายเปลี่ยนทันที และถ้าแย่หน่อยก็อาจสร้างปัญหาทันทีได้เหมือนกัน
ตัวอย่างที่ผิด
ตัวอย่างที่ผิดเกิดขึ้นได้ทั้งในห้องเรียน และนอกห้องเรียน อาจเป็นตัวอย่างจากครูผู้สอน พ่อแม่ เพื่อน สังคม หรือแม้แต่คนที่มีอิทธิพลต่อเราในสื่อ การเขียนข่าว บทละคร บทเพลง เราต้องเช็คให้ชัวร์ก่อนนำไปใช้ การเห็นว่าใครๆ ก็พูดแบบนี้ หรือเขียนแบบนี้ ไม่ได้แปลว่าตัวอย่างนั้นถูกต้องเสมอไป
- ได้ยินตัวอย่างการออกเสียงที่ผิด
- เช่น การเรียนการสอนที่ครูผู้สอนซึ่งไม่ใช่เจ้าของภาษาโดยตรง อาจถ่ายทอดการออกเสียงที่ผิดให้กับนักเรียน เมื่อนักเรียนจดจำนำไปใช้นอกห้องเรียนก็เกิดปัญหา เพราะสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจไม่ได้ เช่น error (ควรออกเสียงว่า แอ-เร่อะ ไม่ใช่ เออ-เร่อะ)
- เห็นตัวอย่างการใช้ระดับภาษาที่ผิด
- เช่น การอ่านบทสนทนาจากแชทสั้นๆ ในโซเชียลมีเดีย หรือได้ยินตัวอย่างประโยคจากเพลง (ซึ่งเป็นภาษาแบบไม่ทางการ บางครั้งสะกดผิด หรือตัดทอนการสะกดให้ดูทันสมัย) แล้วจดจำนำมาใช้เขียนในการติดต่อธุรกิจ การทำงาน (ซึ่งต้องการความเป็นทางการ) ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือและอาจเสียหายกับงานได้ เช่น ain’t เป็นภาษาพูดเฉพาะบางกลุ่ม ไม่ควรใช้แบบทางการ
วิธีที่ผิด
ลองมาเช็คกันหน่อยดีไหมคะว่า เรากำลังก้มหน้าใช้ “วินัยพุ่งชน” อย่างเดียวอยู่หรือเปล่า หลายคนเชื่อว่า ถ้าทำไปเรื่อยๆ ซ้ำๆ สักวันก็จะเก่งเองได้ และ “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น”
- ทำโดยไม่เช็คและปรับเปลี่ยน
- การใช้วินัยพุ่งชน โดยไม่ประเมินสถานการณ์ตรงหน้าเพื่อปรับกลยุทธ์เลย ก็คล้ายๆ การ “ดันทุรัง” เช่น ถ้าใช้คำศัพท์นี้ไปพูดกับใคร ก็ไม่เคยรู้เรื่องสักที แบบนี้เราต้องเอะใจและรีบกลับมาเช็คความถูกต้องได้แล้ว ถ้าสะกดศัพท์เดิมผิดเประจำ พราะไม่เคยรู้การสะกดเต็มรูปแบบของเขาสักที แบบนี้ก็ต้องปรึกษาดิกชันนารีด่วน อย่าปล่อยไว้
- เรียนไม่ครบ
- เช่น เมื่อเรียนคำศัพท์ใหม่แล้ว ก็ท่องจำเฉพาะคำศัพท์นั้น กับคำแปลตรงๆ แต่ไม่เรียนรู้การใช้คำศัพท์จากตัวอย่างประโยคด้วย เมื่อไม่รู้บริบทการใช้ ต่อให้รู้ความหมายก็แต่งประโยคเองไม่ได้ หรือได้ก็ไม่ถูก นอกจากนี้ ศัพท์หนึ่งคำยังสามารถมีได้หลายความหมาย ขึ้นอยู่กับบริบทด้วย เมื่อจะเรียนรู้แล้ว ก็ควรรู้ให้หลากหลาย และรู้ให้รอบนะคะ
- เรียนแต่ไม่ลงมือทำ
- เช่น ท่องจำคำศัพท์และแกรมม่าทุกวัน ฝึกทำแบบฝึกหัดทุกวัน และเป้าหมายที่ต้องการ คือการสื่อสารได้คล่องแคล่ว แต่พอเจอชาวต่างชาติจริงๆ กลับไม่กล้าเอาสิ่งที่ฝึกฝนมาใช้ เรียกว่าเก่งแต่การฝึกทฤษฎี แต่ยังลงมือปฏิบัติไม่ได้
สรุปคือ
เมื่อโลกเปลี่ยนไป วิธีการเรียนรู้ของเราก็อาจต้องเปลี่ยนตาม การมีแรงบันดาลใจ บวกวินัยมุ่งมั่น ยังไม่เพียงพอต่อการไปสู่ความสำเร็จค่ะ เราต้องหันมาทบทวนสามเรื่องหลัก จัดการตัวเองให้อยู่ในทิศทางที่ถูกต้องเสียก่อน จึงจะใช้ “วินัย” กับการ “ฝึกภาษา” ให้มีประสิทธิภาพ
ในทางภาษาศาสตร์ เรารู้กันดีว่า “ภาษาดิ้นได้” และในโลกการศึกษา เทคนิคการเรียนการสอนก็ถูกพัฒนาปรับเปลี่ยนอยู่ตลอด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพตามยุคสมัยที่เปลี่ยน เมื่อโลกนี้ไม่หยุดหมุนไปข้างหน้า ตัวเราเองก็ต้องมองหาสิ่งที่เหมาะสมและปรับตัวตามเช่นกัน
การจะฝึกภาษาหรือทักษะใดให้สำเร็จ คำว่าวินัยจึงต้องมีทั้ง
- การเช็คความถูกต้อง
- การลงมือทำอย่างต่อเนื่อง
- การเช็คความก้าวหน้า
- การปรับและพัฒนาระหว่างทาง
จำนวนชั่วโมงเรียนหรือจำนวนความรู้ไม่ใช่ของหายาก หลักสำคัญคือ “วินัย” ที่ถูกต้อง เมื่อรวมกับการฝึกฝนบ่อยๆ ฝึกอย่างใส่ใจ ฝึกไปและปรับแก้ไขไปด้วย “ความสำเร็จ” จึงจะเดินเข้ามาเคาะประตู
Success requires both consistency and improvement over time. – Arada
ความสำเร็จต้องใช้ทั้งความสม่ำเสมอและการรู้จักปรับพัฒนาระหว่างทางด้วย – อ. ผึ้ง อารดา
บทความมีลิขสิทธิ์ : ขอบคุณที่ไม่คัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อก่อนได้รับอนุญาต
สำหรับผู้สนใจพัฒนาทักษะการเรียนรู้และการทำงาน ติดตามความรู้และเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจ เทคนิคคำศัพท์ เทคนิคการเรียน การพัฒนาสมอง และความจำ ได้ที่ Website: alphamaxlearning.com และ Facebook: Arada – Alphamax Learning
